TH EN

เปลี่ยนได้เปลี่ยน” ความเข้าใจผิดเรื่องประกันฯที่ต้องรู้?

โพสต์เมื่อ 28 ตุลาคม 2563 | บทความโดย : TISCO Wealth Advisory
มีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “ประกันสุขภาพ” ซึ่งคุณกำลังเข้าใจผิด และแน่นอนหากปล่อยให้บทความนี้เลื่อนหายไปจากหน้าจอ คุณอาจจะไม่พบคำตอบที่ควรรู้อีกเลย

    ความจริงแล้ว “ประกันสุขภาพ” สำคัญไม่น้อยไปกว่าการลงทุน และ “ควรเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการเงินของคุณด้วย” แต่ที่ผ่านมาก็พอจะเข้าใจได้ว่า ความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ มักจะสร้างความสับสนให้กับคนไทยอยู่เสมอ เพราะต้องยอมรับว่าในอดีต มีประกันสุขภาพหลากหลายรูปแบบมาก ดังนั้นเราจะพาไปทำความรู้จักประกันในแต่ละยุค เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจกันก่อนค่ะ

 

  • คุณมีประกันสุขภาพในยุคไหน ?

              ยุคแรก : ประกันชีวิตที่ “ต้องเสียชีวิตก่อนถึงได้เงิน”

  ในยุคแรกๆคนยังไม่รู้จักประกันสุขภาพ นวัตกรรมการรักษาสุขภาพก็ยังไม่ค่อยมี บริษัทประกันจึงเน้นความคุ้มครองเมื่อเสียชีวิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

              ยุคที่2 ประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต

   ในยุคนี้เริ่มมีประกันสุขภาพเข้ามา แต่ก็ยังไม่ได้ตอบโจทย์มากนัก เพราะว่าประกันสุขภาพต้องซื้อพ่วงกับประกันชีวิต เบี้ยประกันโดยรวมค่อนข้างสูงมาก แต่ได้ความคุ้มครองค่อนข้างน้อย

 

              ยุคที่ 3 : ประกันสุขภาพแบบแยกประเภท

    เมื่อนวัตกรรมทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ประกันสุขภาพก็มีวิวัฒนาการกลายมาเป็นประกันสุขภาพแบบแยกประเภท  ซึ่งประกันสุขภาพแบบแยกประเภท จะมีการกำหนดค่าใช้จ่าย และวงเงินที่ชัดเจนภายใต้กรมธรรม์

    แต่ปัญหาก็คือ หากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่กรมธรรม์กำหนดไว้ ผู้เอาประกันต้องจ่ายส่วนต่างเหล่านี้เอง ดังนั้นประกันประเภทนี้ จึงยังไม่ครอบคลุม และตอบโจทย์ประกันคุ้มครองสุขภาพมากนัก

 

              ยุคปัจจุบัน : ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย

    ในยุคนี้พัฒนาการของประกันสุขภาพดีขึ้นอย่างมาก เพราะเมื่อกรมธรรม์เป็นประกันแบบ “เหมาจ่าย” นั่นหมายความว่า บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ภายใต้วงเงินความคุ้มครองสูงสุดของกรมธรรม์นั้นๆ ซึ่งมีความคุ้มค่า และครอบคลุมอย่างมากในยุคปัจจุบัน

แล้วประกันสุขภาพของคุณ เป็นแบบไหนกันบ้าง ?

 

  • เป็นโรคร้ายแรงฯ มีโอกาสจ่ายแพงสูงสุดเท่าไหร่ ?

    รู้ไหมว่า...เราทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งอาจจะต้องจ่ายค่ารักษาแพงถึงหลักล้านก็ได้ !!!

    สถิติจากองค์การอนามัยโลก ชี้ว่า กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตของคนทั่วโลกมากกว่า 60% ของการเสียชีวิตทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด ฯลฯ ซึ่งการป่วยเป็นโรค NCDs เหล่านี้ มักเกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ไม่ได้เกิดจากการติดต่อจากผู้อื่น

    ในประเทศไทยเอง โรค NCDs ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่ง โดยมีสัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโรค NCDs สูงถึง 75% ของการเสียชีวิตทั้งหมด หรืออาจกล่าวได้ว่า ทุกๆ 1 ชั่วโมง จะมีคนไทย 37 รายที่ต้องเสียชีวิตลงจากการป่วยเป็นโรค NCDs

    สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง...  ในขณะที่ค่ารักษาพยาบาลในโรคกลุ่มนี้หลายโรค ก็มีค่าใช้จ่ายสูงมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมักจะมีค่ารักษาโดยรวมที่สูงกว่าโรงพยาบาลรัฐราว 2-3 เท่า

        นอกจากนี้ เมื่ออายุมากขึ้น คุณก็มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคกลุ่ม NCDs มากขึ้นด้วย  ซึ่งหากเกิดเป็นโรคนี้หลังวัยเกษียณ ที่คนส่วนใหญ่ มักจะขาดรายได้ประจำไปแล้ว … นี่จะเป็นปัญหาที่ใหญ่มากทีเดียว  

        ดังนั้น หากไม่อยากให้การเจ็บป่วยทางด้านสุขภาพ กลายเป็นหายนะทางด้านการเงิน การทำประกันสุขภาพจึงเป็นวิธีการปิดความเสี่ยงเหล่านี้ที่ง่ายที่สุด...คุณปิดความเสี่ยงตรงนี้แล้วหรือยัง ?

 

  •  ไม่ค่อยป่วย จำเป็นต้องทำประกันสุขภาพหรือเปล่า ? 

        หลายคนอาจจะมีความเชื่อว่า การซื้อประกันสุขภาพและประกันภัยโรคร้ายแรง เป็นการจ่ายเงินที่ไม่คุ้มค่า เพราะต้องจ่ายเบี้ยเป็นประจำทุกปีในลักษณะจ่ายเบี้ยทิ้ง แต่เราอยากให้คุณ “เปลี่ยนความคิด” นั่นก็เป็นเพราะ

    1.หากคุณมีประวัติการป่วยด้วยโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่อง จะมีผลต่อการทำประกันฯ

        บริษัทประกันอาจจะปฏิเสธ หรือเพิ่มข้อยกเว้นในการรับประกัน เมื่อคุณมีประวัติการป่วยด้วยโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่อง และถ้าบริษัทรับประกัน คุณอาจจะต้องจ่ายค่าเบี้ยมากกว่าคนทั่วไปราว25-50% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากๆ

    2.ประวัติบุคคลในครอบครัวมีผลต่อการรับประกันของบริษัทประกัน

        ถ้าปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่ของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงคุณก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรง การทำประกันของคุณก็จะไม่ใช่เรื่องยาก     แต่ถ้าหากวันใดวันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ของคุณป่วยด้วยโรคมะเร็ง หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ การทำประกันของคุณ ก็จะมีข้อจำกัดทันที เช่น วงเงินความคุ้มครอง ก็อาจจะน้อยกว่าคนทั่วไป

        ดังนั้นถ้าลองนึกถึงบุคคลในครอบครัวที่มีอายุมากขึ้นและเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายได้ ตอนนี้คุณคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนความคิดเรื่องทำประกันแล้วหรือยัง ?

 

  • ควรทำประกันมะเร็งตอนอายุเท่าไหร่?

    อายุยังน้อย จะรีบทำประกันมะเร็งไปทำไม ? เป็นคำถามที่พบได้บ่อยที่สุด

        ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข อธิบายว่า “ความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น”แต่หากแยกวิเคราะห์ตามเพศแล้วจะพบว่าผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงอายุ 30-39ปีจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดมากที่สุดหรือเพิ่มขึ้นกว่า 223% เมื่อเทียบกับช่วงอายุก่อนหน้าในขณะที่ผู้ชายกลุ่มอายุระหว่าง40-49 ปีนับเป็นมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดมากที่สุด หรือ เพิ่มขึ้นมากกว่า 195% เมื่อเทียบกับช่วงอายุก่อนหน้า

 

        ดังนั้นจากสถิติ จึงอาจสรุปได้ว่า อายุที่ควรทำประกันมะเร็ง

  • สำหรับผู้หญิง คือ ช่วงก่อนวัย 30 ปี 

  • สำหรับผู้ชาย คือ ช่วงอายุก่อน 40 ปี 

        อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากเน้นย้ำมากที่สุดจากสถิตินี้ ก็คือ “คนอายุน้อย” ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกัน แน่นอนว่าไม่อยากมีใครเป็นผู้โชคร้าย แต่สถิติก็แสดงให้เห็นแล้วว่าความเสี่ยงเหล่านี้มีอยู่จริง 

        ดังนั้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำประกันมะเร็ง จึงควรเป็นในขณะที่อายุยังน้อย สุขภาพยังแข็งแรงอยู่ ซึ่งจะทำให้เราจ่ายเบี้ยประกันได้ถูกและปิดความเสี่ยงตรงนี้ได้ จากวันนี้เป็นต้นไป

เปลี่ยนความคิดเรื่องประกัน เลือกกรมธรรม์ที่ใช่


สามารถติดต่อได้ที่สาขาธนาคารทิสโก้ทั่วประเทศ หรือ กรอกข้อมูลที่นี่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน