แม้ว่าภาวะตลาดหุ้นไทย จะเผชิญกับความซบเซามายาวนานตั้งแต่ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และล่าสุดดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET Index ทำระดับต่ำสุดในรอบมากกว่าสิบปี แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มชุดหุ้นที่สามารถฟันฝ่าความท้าทายในระดับปัจจัยมหภาค โดยที่ยังให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกและสม่ำเสมอในระยะยาวได้อยู่ คือกลุ่มหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET High Dividend (SETHD) ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมหุ้นปันผลคุณภาพที่คัดเลือกมาโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ)
ดัชนี SETHD ถูกจัดทำขึ้นมาเพื่อสะท้อนความเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดขนาดใหญ่โดยเปรียบเทียบ มีสภาพคล่องในการซื้อขายต่อวันสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง โดยมีเกณฑ์คัดเลือกที่สำคัญคือ ต้องเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลต่อเนื่อง 3 ปีเป็นอย่างน้อย โดยที่อัตราการจ่ายเงินปันผลต้องไม่เกินกว่า 100% ของกำไรสุทธิที่บริษัททำได้ต่อปี เนื่องจากอาจะสะท้อนได้ว่าว่าบริษัทนั้นๆ อาจไม่ขยายธุรกิจเพื่อเติบโตอีกแล้ว นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการพิจารณาปรับรายชื่อหุ้นในดัชนี SETHD ทุกๆ 6 เดือน เพื่อทบทวนความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของแต่ละบริษัทให้เป็นปัจจุบันตามงบการเงินที่รายงานออกมา โดยที่นักลงทุนสามารถคาดหวังอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่เฉลี่ยราว 5% ต่อปี ทั้งนี้อุตสาหกรรมหลักของหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD ได้แก่ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค อาทิ กลุ่ม PTT กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งมีน้ำหนักรวมกันมากถึงราว 80% ของน้ำหนักรวมทั้งหมดในดัชนี
ความน่าสนใจของดัชนี SETHD ที่สำคัญที่สุดนั่น คือผลตอบแทนจากการลงทุนที่มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นไทยอื่น โดยในตารางแสดงถึงผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยต่อปีในช่วง 3 ปี 5 ปี และ 10 ปีย้อนหลังของดัชนี SETHD โดยทำการเปรียบเทียบกับ 1) ดัชนี SET 2) ดัชนี SET50 ซึ่งสะท้อนหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกใน SET และ 3) ดัชนี sSET ซึ่งสะท้อนหุ้นขนาดเล็กใน SET พบว่าดัชนี SETHD ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกได้ทั้งหมด เทียบกับดัชนีอื่นที่มีความผันผวนมากกว่า โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดโดยรวมเป็นขาลงในช่วง 3 ปีหลังและให้ผลตอบแทนเป็นลบ แต่ SETHD ยังให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกได้

สาเหตุสำคัญของความโดดเด่นของการลงทุนหุ้นในดัชนี SETHD นั่นคือลักษณะสำคัญของความเป็นหุ้น Defensive ในเชิงของธุรกิจที่มีจุดแข็งทางธุรกิจในแง่ต่างๆ เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ผ่านวัฏจักรทางเศรษฐกิจมาแล้วหลายรอบ สามารถรักษารายได้และกำไรรวมถึงการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ มีความเสี่ยงขาลงค่อนข้างจำกัดจากฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งกว่าบริษัทจดทะเบียนอื่นโดยเฉลี่ย และเมื่อประกอบกับเศรษฐกิจมหภาคของไทยในปัจจุบันที่เติบโตชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด ทำให้ลักษณะของหุ้นปันผลดังกล่าวมีความโดดเด่นขึ้นมาโดยเปรียบเทียบ โดยเฉพาะในแง่ที่บริษัทลักษณะดังกล่าวเลือกที่จะจ่ายเงินปันผลออกมาเพิ่มขึ้น จากผลของการที่บริษัทชะลอการลงทุนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้มีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่ในบริษัท และหากเรามีมุมมองในอนาคตว่าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความท้าทายทั้งปัจจัยในประเทศและปัจจัยนอกประเทศ การลงทุนในหุ้นปันผลจากการหาไอเดียลงทุนหุ้นในดัชนี SETHD จึงถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจเพื่อรับเงินปันผลที่จูงใจมากพอในระหว่างที่เฝ้ารอการกลับมาของเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยอีกครั้งหนึ่ง