แน่ใจแล้วหรือ? ว่าประกันสุขภาพ และ ประกันมะเร็งที่ซื้อไป เป็นประกันฯ ที่เหมาะกับคุณจริงๆ? ไปตรวจเช็คลิสต์ กันดีกว่าว่า วิธีที่ควรใช้คัดเลือกประกันฯ ทั้งสองประเภทนี้ ต้องดูเรื่องอะไรกันบ้าง
1. “วงเงินความคุ้มครอง” เหมาะสม
โดยทั่วไป เราอาจตัดสินใจเลือกประกันสุขภาพ ที่ให้วงเงินความคุ้มครองแตกต่างกัน เพราะบางคนอาจมีตัวช่วยอื่น เช่น สวัสดิการจากบริษัทคอยช่วยซับพอร์ตอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษา ทั้งโรคทั่วไป โรคร้ายแรง โดยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมการรักษารูปแบบใหม่ที่ดียิ่งขึ้นได้ในอนาคต แนะนำว่าคุณอาจต้อง “เลือก” แบบประกันฯที่มีความคุ้มครองขั้นต่ำราว 3 - 5 ล้านบาท ก็จะช่วยให้สบายใจยิ่งขึ้นเมื่อเข้ารับการรักษา
2. “ค่าห้องพัก” ใกล้เคียงกับรพ.ที่ใช้ประจำ
ค่าห้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ มีความแตกต่างกันมาก โดยโรงพยาบาลรัฐฯจะมีค่าห้องผู้ป่วยปกติอยู่ที่ประมาณ 2,500 -3,500 บาทต่อคืน ส่วนโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ จะอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาทต่อคืนขึ้นไป
ดังนั้นควรดูให้ดีว่า กรมธรรม์ที่เลือก มีวงเงิน “ค่าห้อง” สอดคล้องกับโรงพยาบาลที่ใช้ประจำหรือเปล่า
3.ไม่ปฏิเสธการต่ออายุ
คุณอาจเคยได้ยินว่ามีคนถูกบริษัทประกันปฏิเสธการต่ออายุความคุ้มครอง ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากเราพบว่าเป็นโรคร้ายแรงแล้ว และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเริ่มทำประกันใหม่กับบริษัทอื่น เพื่อให้มีความคุ้มครองครบถ้วนหลังจากที่มีประวัติโรคร้ายแรง
ดังนั้น จึงควรเลือกทำประกันที่ไม่ปฏิเสธการต่ออายุ เพื่อเป็นหลักประกันว่าเรายังมีความคุ้มครองต่อเนื่องได้ตลอดการรักษาตัว
4.ค่าเบี้ยฯ หลังเกษียณไม่แพงก้าวกระโดด
นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ แต่หลายคนอาจนึกไม่ถึง นั่นก็คือเรื่องของ ค่าเบี้ยฯ หลังเกษียณอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี ไปจนถึงเสียชีวิตหรือสิ้นสุดระยะเวลาคุ้มครองสูงสุด จะต้องเตรียมเงินล่วงหน้าไว้เท่าไหร่
… รู้หรือไม่ว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ค่าเบี้ยฯ ก็มักจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นอย่าลืมดูค่าเบี้ยฯ ให้ดี ก่อน ตัดสินใจเลือกแบบประกันฯ
1.เลือกกรมธรรม์ทั้งแบบจ่ายเงินก้อน + แบบจ่ายวงเงินค่ารักษาฯ
โดยหลักแล้ว ความคุ้มครองจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
- แบบจ่ายเงินก้อน : จะได้รับเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง
- แบบจ่ายวงเงินค่ารักษาฯ : คุ้มครองการรักษาฯ ตามวงเงินที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าคุณควรมีทั้งกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองแบบ “เงินก้อน” และ “วงเงินค่ารักษาฯ” ซึ่งจะสอดคล้องกับความเป็นจริง ที่คุณจำเป็นต้องมี “เงินก้อน” เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำรอง และจำเป็นต้องมี “เงินค่ารักษาพยาบาล” ในระหว่างที่รักษาตัว
2.ตรวจสอบการปรับขึ้นของค่าเบี้ยฯ
ลักษณะการคิดค่าเบี้ยประกันรายปี มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่
- ค่าเบี้ยประกันแบบคงที่
- ค่าเบี้ยประกันแบบปรับเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ
เราแนะนำให้เลือกค่าเบี้ยประกันแบบคงที่ จะคุ้มค่ากว่า เนื่องจากหากคุณทำประกันประเภทนี้ตอนอายุยังน้อย ค่าเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูก และทำให้คุณสามารถวางแผนการเงินในระยะยาวได้ชัดเจนขึ้นว่า ต้องเตรียมเงินค่าเบี้ยประกันไว้ปีละเท่าไหร่
3.สำรวจข้อยกเว้น ว่าไม่คุ้มครองมะเร็งชนิดใด
สิ่งที่จะลืมไม่ได้อีกเรื่องก็คือ การตรวจเช็คข้อยกเว้นความคุ้มครองของกรมธรรม์ให้ดี ว่าครอบคลุมการเป็นมะเร็งชนิดใดบ้าง เพราะบางกรมธรรม์ อาจจะไม่คุ้มครองหากเป็นมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
ตรวจเช็คลิสต์ให้ละเอียดก่อนซื้อ ประกันฯที่คุณเลือก ใช่แบบที่ตอบโจทย์จริงหรือไม่ ถึงเวลาเปลี่ยนความคิดเรื่องประกัน เลือกกรมธรรม์ที่ใช่สำหรับคุณ !!
© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน