คุณคิดว่าเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ตอนนี้ สุดยอดแล้วหรือเปล่า? ถ้าเราบอกว่า เทคโนโลยีที่คุณคิดว่าดีอาจกำลังถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ที่ดีกว่าล่ะ จะเชื่อไหม
ในยุคนี้ ได้เกิดปรากฏการณ์ ธุรกิจ “สายพันธุ์ใหม่” ที่สามารถล้มธุรกิจดั้งเดิมด้วยนวัตกรรม หรือ สามารถทิ้งระยะห่างด้านนวัตกรรมของสินค้าและบริการ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำยุคกว่ามาพัฒนา จนทำให้ทันสมัยกว่าคู่แข่งที่เคยเป็นผู้นำในตลาดแบบหลายช่วงตัวได้อย่างน่าทึ่ง
สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทิสโก้ ได้ให้คำจำกัดความธุรกิจแบบนี้ว่า เป็นธุรกิจที่มี “นวัตกรรมเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตแห่งอนาคต” (Next Generation Internet) ซึ่งจะเข้ามาพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์กว่าเทคโนโลยีดั้งเดิม
นวัตกรรมเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตแห่งอนาคตคืออะไร ?
“นวัตกรรมเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตแห่งอนาคต” หรือ “Next Generation Internet” สามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภทธุรกิจ คือ
1. Cloud Computing และ Cyber Security
2. E-Commerce
3. Big Data และ Artificial Intelligence (AI)
4. Mobile Technology และ Internet of Things
5. Social Platforms และ Digital Media
6. Blockchain และ P2P
ปัจจุบันธุรกิจเหล่านี้ ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของคุณแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การดูหนัง ฟังเพลง การติดต่อสื่อสารผ่านแอพพลิเคชัน ซื้อสินค้าออนไลน์ ไปจนถึงธุรกรรมทางการเงิน การเรียนหนังสือ แม้กระทั่งรถยนต์อัจฉริยะ
แล้วธุรกิจเหล่านี้ประสบความสำเร็จจนสามารถโค่นธุรกิจดั้งเดิมลงได้อย่างไร ?
ARK Investment Management (ARK) มองว่า อัลกอริทึมแบบระบบเรียนรู้เชิงลึก (Deep learning) เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ นั่นก็เป็นเพราะธุรกิจกลุ่ม “Next Generation Internet” ส่วนหนึ่ง ได้ยกระดับสินค้า และบริการของตนเองขึ้นมาผ่านการใช้ Deep learning เพื่อทำหน้าที่เรียนรู้ข้อมูลจำนวนมากที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง ทำให้เข้าใจพฤติกรรม ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้ง จนสามารถตอบสนองได้ตรงจุดมากกว่าที่ธุรกิจดั้งเดิมเคยทำได้
ธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมใหม่..มีอะไรบ้าง?
ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยี ทุกแห่ง จะอยู่ในกลุ่ม “Next Generation Internet”ได้ เพราะการจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจนี้ได้จำเป็นต้อง มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะเข้ามาพลิกโฉมสินค้าและบริการให้ก้าวสู่โลกยุคใหม่ จึงต้องเป็นนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับหรือเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงต่อยอดไปใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรมได้ ที่สำคัญเมื่อนวัตกรรมเหล่าได้รับการพัฒนาจนได้รับการยอมรับ จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการใช้ชีวิตและธุรกิจทั่วโลกอย่างเป็นวงกว้างในอนาคต
แน่นอนตอนนี้คุณคงอยากรุ้แล้วว่า บริษัทไหนที่อยู่ในกลุ่ม “Next Generation Internet” บ้าง….
ขอยกตัวอย่าง “SHOPEE” ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การันตีความสำเร็จด้วยยอดดาวน์โหลดสูงเป็นอันดับ 1 (in the shopping category in Southeast Asian in Q2/2020) แถมด้วยค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ใช้งานสูงสุดเป็นอันดับ1 (In the Shopping category in both Southeast Asia and in Taiwan in Q2/2020)
ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้มาแบบโชคช่วยแน่นอน นั่นก็เป็นเพราะ SHOPEE เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใช้ deep learning เข้ามาช่วย …. หรืออธิบายให้เห็นภาพก็คือ อัลกอริทึมdeep learning จะประมวลผลข้อมูลของคนที่อยู่ในแพลตฟอร์มที่ซื้อของไปก่อนหน้า แล้วนำมาประมวลร่วมกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าที่กำลังใช้บริการอยู่ จนทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่า สินค้าชิ้นถัดไปที่ผู้ซื้อน่าจะมีความต้องการ หรือ สนใจ เป็นสินค้าใด
โดยประโยชน์ในข้อนี้เอง จึงช่วยดึงลูกค้าให้อยู่ในแพลตฟอร์มได้นานยิ่งขึ้น และนำไปสู่ขายของได้มากขึ้น เพราะมีdeep learning ช่วยนำเสนอสินค้า หรือบริการ ได้ตรงความต้องการของลูกค้าอย่างแม่นยำนั่นเอง
ยกตัวอย่างอีกบริษัท ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี คือ “TikTok” แอปพลิเคชันสัญชาติจีนที่ช่วยให้ผู้ใช้ สามารถสร้างเนื้อหาวิดีโอเพื่อความบันเทิงแบบสั้นๆได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ตามที่ต้องการ เช่น ร้องเพลง เล่นละคร ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม “TikTok” มีกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ ก็คือการนำdeep learning เข้ามาจับพฤติกรรมผู้ใช้ ทำให้สามารถพยากรณ์ได้ว่า คลิปวีดีโอประเภทใดที่ผู้ใช้น่าจะสนใจรับชมเป็นคลิปถัดไป เพื่อดึงให้ผู้ชมอยู่ในแพลตฟอร์มนานขึ้น ซึ่งจุดนี้เองช่วยให้ “TikTok” มีชัยเหนือ Snapchat ที่ก่อตั้งธุรกิจในลักษณะเดียวกันมาก่อนได้
ส่องรายได้ธุรกิจนวัตกรรม
ธุรกิจกลุ่ม “Next Generation Internet” ไม่ได้มีดีเพียงนวัตกรรมเท่านั้น แต่ในแง่ของรายได้ ก็น่าสนใจอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น
“Tesla Inc” ผู้นำนวัตกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้คนขับระดับ 5 ซึ่งข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่าในปี 2563 บริษัทจะมีรายได้ 30,026.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปี 2564 จะเติบโตเป็น 43,140.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
บริษัท Roku Inc ผู้ให้บริการ TV Streaming แพลตฟอร์ม ที่ได้รับความนิยมอย่างมาในสหรัฐฯ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 43 ล้านบัญชี มีรายได้หลักจากการขายช่วงเวลาโฆษณา โดยในไตรมาส 2/2563 มีรายได้ 365 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 42% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YOY) มีกำไรขั้นต้นที่ 146.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 29% YOY (ที่มา: ROKU.com)
และ บริษัท SEA Group Ltd.ผู้นำการให้บริการอินเตอร์เน็ตแพลตฟอร์มทางด้านดิจิทัลเอ็นเตอร์เทนเม้นท์โดยบริษัท Garena ซึ่งพัฒนาเกมส์ ROV, Free Fire และ FIFA online 4 เป็นต้น ส่วนธุรกิจนี้ในไตรมาสที่ 2/2563 มีจำนวนผู้เล่นเกมส์ 499.8 ล้านคนเพิ่มขึ้น 61% YOY จำนวนผู้เล่นเกมส์ที่เติมเงินอยู่ที่ 49.8 ล้านคน นอกจากนี้
บริษัท SEA Group Ltd. ยังดำเนินธุรกิจ E-Commerce ภายใต้แบรนด์ Shopee ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ 510,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 187.7% YOY อีกทั้งยังเป็นผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มด้านการเงินแบบดิจิทัลอีกด้วย (ที่มา: www.seagroup.com/investor)
นี่จึงเป็นความน่าสนใจของ “Next Generation Internet” ธุรกิจยุคใหม่…ผู้ใช้นวัตกรรมล้มธุรกิจยุคเก่า