ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนธีมตลาดเอเชียได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะมีปัจจัยบวก ทั้งในแง่ของราคาหุ้น รวมถึงในแง่มุมทางเศรษฐกิจ และจำนวนประชากรวัยแรงงานที่ขยายตัวอย่างโดดเด่น ขณะที่ธีมธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ก็เป็นที่สนใจของนักลงทุนไทยเช่นกัน เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ถึงกับมีเสน่ห์มากนัก เมื่อเทียบกระแสความนิยมต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของธนาคารทิสโก้ ประเมินว่า ทั้งสองธีมนี้จะมีความสำคัญ และน่าสนใจมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นเมกะเทรนด์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาวให้กับพอร์ตได้ด้วย
...นับเป็นหนึ่งในธีม Megatrends Investment ที่ไม่ต้องปรับพอร์ตใหม่บ่อย ๆ สามารถลงทุนในระยะยาวมากกว่า 10 ปี หรือยาวไปได้จนถึงวัยเกษียณ เพราะมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารทิสโก้ แนะนำให้นักลงทุนหันมาโฟกัสการลงทุนในตลาดเอเชีย เช่น ประเทศจีนมากขึ้น เพราะตลาดในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ มีความน่ากังวลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และไม่เพียงแค่นี้ ตลาดเอเชียหลายแห่งยังมีความโดดเด่นในเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตสูง อัตราการเติบโตของกำไร (EPS Growth) ที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ประกอบกับมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง โดยในเดือนกันยายนนี้ ธนาคารทิสโก้เห็นว่ามี 2 ประเทศในเอเชียที่โดดเด่น เป็นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุน ได้แก่
1.ประเทศอินโดนีเซีย : นอกจากจะมีวัยแรงงาน รวมถึงเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ช่วยสนับสนุนการบริโภคอย่างโดดเด่นแล้ว ยังเป็นประเทศที่มีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศ และเปลี่ยนกฏหมายเพื่อดึงดูดต่างชาติจนทำให้กลายเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ อีกทั้งค่าเงินมีเสถียรภาพมากกว่าประเทศตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) อื่น ๆ และด้วยความพร้อมของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุน และประชากร จึงทำให้มีธุรกิจ Start up ระดับโลกเกิดขึ้นในประเทศจำนวนมากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นประเทศที่เปิดกว้างด้านกฎเกณฑ์การทำธุรกิจ และกำลังการบริโภคที่มากพอ ในการสนับสนุนธุรกิจด้วย
2.เวียดนาม : ข้อมูลจาก Bloomberg คาดว่า ในปี 2022 – 2023 อัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของตลาดหุ้นเวียดนามจะอยู่ที่ระดับสูงถึง 24.6% ขณะที่ในระยะกลางก็มีปัจจัยบวก ซึ่งส่งผลให้ตลาดมีความน่าสนใจ เช่น สภาพคล่องในตลาดหุ้นเริ่มสูงขึ้น ข่าวดีเรื่องการนำดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามร่วมคำนวณในดัชนี MSCI EM ในปี 2025 ที่ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ได้ประโยชน์ เป็นต้น1
ส่วนประเทศจีนที่ธนาคารทิสโก้ ได้เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ ยังคงเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ขณะที่ในระยะสั้นก็มีปัจจัยบวกที่รออยู่ จากประเด็นที่จีนได้ประกาศเตรียมจัดตั้งการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ในวันที่ 16 ต.ค. นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สาม ซึ่งจะทำให้สถานะของประธานาธิบดีสีกลายเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจมากที่สุดของจีนนับตั้งแต่ เหมา เจ๋อตุง และจากสถิติในอดีตย้อนหลังนับตั้งแต่ช่วงปี 1997 ตลาดหุ้นจีนมักจะสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 20% ในช่วงก่อนที่จะถึงการประชุม National Congress2
จากการที่รัสเซียรุกรานยูเครนจนกลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ราคาก๊าซและถ่านหิน ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ … ด้วยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนี้เอง ได้ทำให้ “พลังงานหมุนเวียน” กลายเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่สำคัญมากขึ้น ในระยะยาว จนเป็นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุน ด้วย 3 เหตุผล ดังนี้
1.เป็นพลังงานที่ใช้ได้ยาวนาน : พลังงานหมุนเวียน เป็นพลังงานชนิดที่สามารถสร้างขึ้นได้ซ้ำ ๆ โดยมากมักมีแหล่งกำเนิดมาจากธรรมชาติ อาทิ แสงอาทิตย์ ลม น้ำ ความร้อนใต้พิภพ และชีวมวลหรือผลผลิตและวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตร ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ยาวนานกว่า พลังงานที่ใช้แล้วหมดไป เช่น ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ฯลฯ จึงเป็นแหล่งพลังงานที่มั่นคงสำหรับมนุษย์
2.ประเทศมหาอำนาจสนับสนุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน : ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 จีนลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ให้ได้ 1,200 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 และในช่วงเวลาเดียว สหรัฐฯ ก็ได้ลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกันนี้ทั้งสองประเทศ ยังมีนโยบายสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ ด้วย จึงทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้ มีแนวโน้มที่จะเติบโตในระยะยาว3
3.ค่าใช้จ่ายการผลิตพลังงานหมุนเวียนต่ำลง : เมื่อเทคโนโลยีและการแข่งขันในตลาดสูงขึ้นจากการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจ ก็ยิ่งทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานหมุนเวียนถูกพัฒนาให้ลดลง นอกจากราคาในการผลิตแล้ว เทคโนโลยีในการกักเก็บพลังงานรูปแบบต่าง ๆ เช่น เซลล์เก็บกักพลังงานไฟฟ้า ก็ถูกพัฒนาการเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้อนาคตด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนทั่วทั้งโลกชัดเจนยิ่งขึ้น4
นอกจากสองธีมที่ได้แนะนำข้างต้นแล้ว ในส่วนของธีมการลงทุนเดิมที่ธนาคารทิสโก้เคยแนะนำไปในช่วงก่อนหน้านี้ ได้แก่ ธีมธุรกิจที่เทคโนโลยีแห่งอนาคต อย่างกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ธุรกิจความปลอดภัยด้านไซเบอร์ (Cyber Security) กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจ Cloud Computing ซึ่งเป็นธุรกิจเบื้องหลังความสำเร็จของ Metaverse ประกอบด้วย Software as a Service, Platform as a Service, Infrastructure as a Service
รวมถึง ธีมธุรกิจนวัตกรรมทางการแพทย์ ได้แก่ 1.กองทุนที่เน้นลงทุนธุรกิจไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) ซึ่งเป็นธุรกิจวิจัยและพัฒนายา-วัคซีนรักษารวมถึงป้องกันโรค 2. กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจ Digital Health ที่เกี่ยวข้องกับบริการ Telehealth การใช้ระบบ Cloud ในการจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงบริษัทที่ผลิตเครื่องมือการตรวจโรค หุ่นยนต์ผ่าตัดและอุปกรณ์ทางการแพทย์สมัยใหม่ประเภทต่าง ๆ 3.กองทุนที่กระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์
และธีมธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นจากการเป็นผู้ปฏิวัติวงการ มีความสามารถในการแข่งขันสูง สร้างธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือการบริการ ที่ช่วยให้โลกของเราดีขึ้น เช่น Tesla Inc. ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง, Moderna Inc. บริษัทผู้ผลิตวัคซีน ฯลฯ ยังคงเป็นธุรกิจที่แนะนำว่ายังสามารถถือเพื่อลงทุนระยะยาวได้
หากคุณสนใจกองทุนรวม ที่มีนโยบายการลงทุนในแบบที่เราแนะนำ สามารถคลิกลิงก์ด้านล่าง เพื่อติดตามรายละเอียดกองทุนรวมที่เราคัดสรร หรือสามารถกรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
ที่มา
1. บลจ.ทิสโก้เปิดกอง “ทิสโก้ เวียดนาม อิควิตี้”ชี้ราคาหุ้นเทรดต่ำสุดในรอบ 7 ปี จังหวะเหมาะลงทุนรับปัจจัยบวกเพียบ (Press release, 17 พ.ค. 2565)
2. “ผลตอบแทนตลาดหุ้นจีน” Bloomberg, TISCOESU, Goldman Sachs
3. “จีนรุดหน้าผลิตพลังงานหมุนเวียน ครองสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งในโลก” (ผู้จัดการออนไลน์, 23 ส.ค. 2565)
4. “Economy of scale is at play” (Ourworldindata, ส.ค.2565)
© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน