TH EN

อย่าปล่อยให้ตัวเอง ไม่รู้จักธุรกิจ "จีโนมิกส์"

โพสต์เมื่อ 5 มกราคม 2564 | บทความโดย : บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้

“จีโนมิกส์” หรือ การถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจได้ง่ายก็จริง แต่เราอยากให้คุณทำความรู้จักเอาไว้ เพราะธุรกิจนี้ไม่ได้เป็นเพียงความหวังในการรักษาโรคของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสของนักลงทุนอีกด้วย … อย่าปล่อยให้ตัวเอง ไม่รู้จักธุรกิจ "จีโนมิกส์"

 

    “จีโนมิกส์” คือ หนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ระดับโลก ซึ่งเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพที่มีความซับซ้อนและหลากหลายของมนุษย์ โดยก่อให้เกิดพัฒนาการด้านการรักษาโรคใน 3 ด้านหลักๆ ได้แก่

        การรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized) : ในอดีตจะพบได้ว่า บางคนกินยาแล้วมีอาการแพ้ยา ในขณะที่บางคนที่ใช้ยาชนิดเดียวกัน แต่กลับรักษาโรคได้เป็นอย่างดี หรือไม่มีผลข้างเคียงใดๆเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เองสะท้อนได้ว่า ยาที่ใช้กันในปัจจุบันนี้ ไม่ได้เหมาะสมสำหรับทุกคน อย่างไรก็ตามหากเราใช้จีโนมิกส์เข้ามาช่วย ก็จะสามารถออกแบบยาให้เหมาะกับการรักษาของแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดผลข้างเคียงเหมือนที่เคยเป็นในอดีต 

        คาดการณ์ และวินิจฉัยโรค (Predict) : จะมีความแม่นยำสูงขึ้น เพราะสามารถเข้าใจร่างกายได้ถึงระดับเซลล์ จึงช่วยวินิจฉัยโรคได้ดีขึ้น แม้จะเป็นโรคที่รักษายาก

        การออกแบบการรักษา (Preventive) : เมื่อเราสามารถเข้าใจร่างกายแบบเชิงลึกลงไปจนถึงในระดับยีน จะช่วยให้สามารถออกแบบวิธีการรักษาโรคได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือโรคที่คาดการณ์ว่าอาจมีโอกาสเป็นในอนาคต

“จีโนมิกส์” รักษาโรคอะไรได้บ้าง

ปัจจุบันวงการจีโนมิกส์ให้ความสนใจในการศึกษาวิจัยเรื่องการแสดงออกของยีนก่อโรค ยกตัวอย่างเช่น 

            -โรคมะเร็งชนิดต่างๆ 

            -อัลไซเมอร์ 

            -เบาหวาน 

            -โรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน 

            -ดาวน์ซินโดม เป็นต้น 

ขณะที่ประเทศไทยได้นำนวัตกรรมดังกล่าวมาวินิจฉัย ดูแล และป้องกันการกลายพันธุ์ของยีนในเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ เพื่อการรักษา และให้ยาได้ตรงความต้องการของผู้ป่วยแต่ละบุคคล ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการรักษาแบบเดิม และช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยให้ยืนยาวขึ้น

 

แองเจลินาฯ กับ วัคซีนโควิด-19 เกี่ยวข้องกับ “จีโนมิกส์” ได้อย่างไร ?

        ในปี 2013 แองเจลินา โจลี ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง ได้ตรวจพบว่ามียีน หรือ DNA ที่กลายพันธุ์ ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตเหมือนแม่ของเธอ อีกทั้งหลังจากที่ทำ DNATest ยังพบด้วยว่า เธอมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม 87% และมะเร็งรังไข่ 50% อีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้เธอตัดสินใจผ่าตัดหน้าอกทิ้ง เพราะผลการตรวจที่เกิดขึ้นนั่นเอง 

        ไม่เพียงเท่านี้ “จีโนมิกส์” ยังมีส่วนในการช่วยพัฒนาวัคซีนโควิด - 19 ด้วย โดยนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของไวรัสนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ศึกษาไวรัสชนิดนี้ ผ่านการทำ Gene Sequencing จนรู้จักไวรัสโควิด - 19 ลึกถึงระดับ DNA ทำให้สามารถนำข้อมูลที่มีไปสร้างวัคซีน ซึ่งนับว่าเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ได้

        ตอนนี้ คุณเริ่มเห็นแล้วใช่ไหมว่า จีโนมิกส์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป...

สนใจลงทุนธุรกิจ “จีโนมิกส์”

        McKinsey Global Institute ได้ยกให้ “จีโนมิกส์”  เป็น 1 ใน 12 ธุรกิจเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก (Disruptive technologies) ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ ก็ประเมินว่าในปี 2564 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “จีโนมิกส์” จะกลายเป็นเมกะเทรนด์ระดับโลกที่น่าสนใจ ซึ่งก็เป็นเพราะธุรกิจนี้ มีการผสานกันระหว่างสองธุรกิจดาวรุ่ง คือ “เฮลธ์แคร์” และ “เทคโนโลยี” ไว้ด้วยกัน อีกทั้งรายได้ในกลุ่มธุรกิจนี้ มีโอกาสเติบโตอย่างมาก ตามพฤติกรรมและโครงสร้างของประชากรโลกด้วย 

        ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีตามเทรนด์ของโลก บลจ.ทิสโก้จึงเริ่มต้นปีด้วยการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ Genomic Revolution (TGENOME) ความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับธีม Genomics Revolution ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุน ARK Genomic Revolution ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่ใช้กลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก  ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 4-12 มกราคม 2564  ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมจึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

        ทั้งนี้ผลตอบแทนในอดีตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีโนมิกส์ นับได้ว่าอยู่ในระดับที่โดดเด่น โดยกองทุน ARK Genomic Revolution ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีโนมิกส์สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงปัจจุบันตามข้อมูลของบลจ.ทิสโก้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 อยู่ที่ 22.19% 122.11% ต่อปี 37.37% ต่อปี 29.26% ต่อปี และ 22.92% ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งสามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดกองทุน ได้แก่ ดัชนี S&P 500 ที่ในช่วงเวลาเดียวกันสร้างผลตอบแทนได้ 8.93% 15.15% ต่อปี 12.28% ต่อปี 14.15% ต่อปี และ 11.46% ต่อปี ดัชนี MSCI World ในช่วงเวลาเดียวกันสร้างผลตอบแทนได้ 7.93% 10.41% ต่อปี 7.74% ต่อปี 10.48% ต่อปี และ 7.90% ต่อปี และดัชนี NASDAQ Biotech ซึ่งเป็นดัชนีที่เกี่ยวข้องกับหุ้นไบโอเทค ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ -0.82% 36.90% ต่อปี 7.40% ต่อปี 6.61% ต่อปี และ 5.97% ต่อปี  ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต  

        สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนนี้ นอกจากจะได้รับโอกาสที่ดีในการลงทุนแล้ว ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบริจาคเงินให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง สำหรับเป็นทุนในการรักษาผู้ป่วยและกิจกรรมอื่นๆ ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ด้วยหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ โดยตั้งแต่วันที่ 4 - 12 มกราคม 2564 ทุกๆ ยอดซื้อกองทุน TGENOME 100,000 บาท ผ่านบลจ.ทิสโก้ ธนาคารทิสโก้ และบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้  บลจ.ทิสโก้จะบริจาคค่าธรรมเนียมการขายกองทุน 50 บาทให้กับกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง และในช่วงเวลาเดียวกันหากลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน TGENOME ตั้งแต่ 20 - 29.99 ล้านบาท จะได้รับทองคำหนัก 2 สลึง และยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป รับทองคำหนัก 1 บาท (1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์)


        ทั้งนี้ กองทุนเปิด  TGENOME อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนรวม โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนที่ได้เปิดเผยไว้ที่ www.tiscoasset.com และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds

© สงวนลิขสิทธิ์ 2561 ธนาคารทิสโก้ จำกัด มหาชน